เทคนิคการวัดความหนาโลหะแบบอัลตราโซนิกออกแบบมาเพื่อวัดความหนาของพื้นผิวโลหะเช่นเหล็กหล่อ เหล็ก ทองเหลือง ทองแดงและอลูมิเนียมและพื้นผิวที่ไม่ใช่โลหะเซรามิก พลาสติก และแก้ว และตัวนำคลื่นอัลตราโซนิกอื่นๆ

ด้วยเทคนิคของอัลตราโซนิกช่วยให้ตรวจสอบความหนาของโครงสร้างโลหะขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วในช่วงเวลาอันสั้นเมื่อสามารถเข้าถึงได้จากด้านเดียวของพื้นผิว การวัดความหนาของผนังด้วยอัลตราโซนิกเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการตรวจสอบผลกระทบของการกัดเซาะหรือการกัดกร่อน และเป็นเครื่องมือสำคัญในการประกันคุณภาพและการควบคุมคุณภาพ

เครื่องวัดความหนาเหล็กแบบอัลตราโซนิกเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการวัดผลกระทบของการกัดกร่อนหรือการกัดเซาะของถัง ท่อ หรือโครงสร้างใดๆ

ข้อดีของการทดสอบด้วยเครื่องวัดความหนาเหล็ก

เป็นการทดสอบแบบไม่ทำลายทำให้การสามารถวัดความหนาถึงแม้เข้าถึงวัตถุที่จะวัดเพียงด้านเดียวก็ตามโดยไม่ต้องตัดชิ้นทดสอบ แบ่งส่วน ซึ่งแตกต่างจากการวัดด้วยเครื่องมือวัดความหนาเชิงกลเช่นคาลิปเปอร์และไมโครมิเตอร์ ไม่มีอันตรายต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการทดสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เมื่อตั้งค่าการทดสอบอย่างเหมาะสมแล้ว ผลลัพธ์จะทำซ้ำได้สูงและเชื่อถือได้

ข้อจำกัด

การตรวจจับข้อบกพร่องด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงต้องการผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับการฝึกอบรมซึ่งสามารถตั้งค่าการทดสอบโดยใช้มาตรฐานอ้างอิงที่เหมาะสมและตีความผลลัพธ์ได้อย่างถูกต้อง การตรวจสอบรูปทรงที่ซับซ้อนบางอย่างอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เกจวัดความหนาอัลตราโซนิกต้องได้รับการสอบเทียบตามวัสดุที่กำลังวัด และการใช้งานที่ต้องการการวัดความหนาที่หลากหลายหรือการวัดวัสดุที่มีความหลากหลายทางเสียงอาจต้องมีการตั้งค่าหลายอย่าง

มาตรฐานรองรับองค์การระหว่างประเทศ (ISO)

1. ISO 7963 การทดสอบแบบไม่ทำลาย - การทดสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
2. ISO/DIS 11666 การทดสอบรอยเชื่อมแบบไม่ทำลาย - การทดสอบอัลตราโซนิกของรอยเชื่อม - ระดับการยอมรับ
3. ISO/DIS 17640 การทดสอบรอยเชื่อมแบบไม่ทำลาย - การทดสอบอัลตราโซนิกของรอยเชื่อม
4. ISO 22825 การทดสอบรอยเชื่อมแบบไม่ทำลาย - การทดสอบด้วยคลื่นเสียง - การทดสอบรอยเชื่อมในเหล็กกล้าออสเทนนิติกและโลหะผสมที่มีนิกเกิลเป็นส่วนประกอบหลัก