เป็นเครื่องมือที่ใช้การทดสอบทางไฟฟ้าที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับตรวจปัญหาในวงจร แม้ว่าส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาเพื่อวัดลักษณะเฉพาะของวงจรพื้นฐานเช่นความต้านทาน แรงดันไฟ และกระแสไฟ แต่รุ่นใหม่ล่าสุดจำนวนมากสามารถทำอะไรได้มากกว่านั้นอีกมาก มัลติมิเตอร์ทั้งแบบอนาล็อกและดิจิตอลมีข้อดีและข้อเสียพอสมควร

อย่างไรก็ตาม เพื่อความสะดวกและแม่นยำในการอ่านค่า มัลติมิเตอร์แบบดิจิตอลจึงถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายมากกว่าแบบอะนาล็อก ด้านล่างนี้ เราได้ระบุประโยชน์และคุณสมบัติเด่นของการใช้มัลติมิเตอร์เพื่อช่วยในการพิจารณาว่าคุณควรลงทุนในมัลติมิเตอร์หรือไม่

ข้อดีมีดังนี้

• ความแม่นยำสูง
• อิมพีแดนซ์อินพุตสูงจึงไม่มีผลต่อการโหลด
• สามารถอ่านค่าได้ชัดเจนในระยะการมองเห็นที่สูงขึ้น
• เอาต์พุตไฟฟ้าสามารถใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เพิ่มเติมได้
• สิ่งเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายน้อยลงเนื่องจากเทคโนโลยีแบบบูรณาการ
• สามารถแสดงเอาต์พุตได้โดยอัตโนมัติ
• ประกอบด้วยฟังก์ชันขั้วอัตโนมัติ

ข้อเสียมีดังนี้

• เมื่อเทียบกับแบบอนาล็อก มีราคาแพง
• ความต้องการแหล่งจ่ายไฟ
• ทำงานได้ไม่ดีนักจากความผันผวนของการวัด
• จอภาพ LCD ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับแหล่งพลังงานภายนอกเช่น แบตเตอรี่ เนื่องจากเมื่อแบตเตอรี่หมด จอ LCD จะหรี่ลง ดังนั้นจึงอ่านได้ยาก
• ต้องใช้มิเตอร์ตามการวัดที่ระบุของผู้ผลิตตลอดจนการจัดอันดับของหมวดหมู่ มิฉะนั้นมิเตอร์จะเสียหายทำให้อุปกรณ์สูญหาย

ฟังก์ชัน

สามารถอ่านค่าได้หลากหลายขึ้นอยู่กับรุ่น เครื่องทดสอบพื้นฐานจะวัดแรงดัน แอมแปร์ และความต้านทาน และสามารถใช้เพื่อตรวจสอบความต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการทดสอบง่ายๆ เพื่อตรวจสอบวงจรที่สมบูรณ์รุ่นท๊อปจะทดสอบค่าต่อไปนี้ทั้งหมด:

• แรงดันไฟกระแสสลับ (กระแสสลับ) และแอมแปร์
• DC (กระแสตรง) แรงดันและแอมแปร์
• ความต้านทาน (โอห์ม)
• ความจุ (ฟารัด)
• สื่อกระแสไฟฟ้า (ซีเมนส์)
• เดซิเบล
• รอบการทำงาน
• ความถี่ (Hz)
• ตัวเหนี่ยวนำ (เฮนรี)
• อุณหภูมิ เซลเซียส หรือ ฟาเรนไฮต์