รู้จัก CFM CMM คืออะไรและเครื่องมือวัด

CFM CMM

CFM (Cubic Feet per Minute) หรือลูกบาศก์ฟุตต่อนาที เป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไปในการวัดการไหลของอากาศใน ปริมาตรเช่นห้องที่เต็มไปด้วยอากาศ มีหน่วยเป็นลูกบาศก์หน่วย CFM มีความหมายคือจำนวนลูกบาศก์ฟุตที่อากาศสามารถเคลื่อนย้ายหรือเกิดการแลกเปลี่ยอากาศในแต่ละนาที

ยิ่งค่า CFM มากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถเคลื่อนย้ายอากาศได้มากเท่านั้นเช่นพัดลมห้องน้ำ เครื่องดูดควัน คาร์บูเรเตอร์ เครื่องอัดอากาศ พัดลมเชิงพาณิชย์ และอื่นๆ จำเป็ฯต้องวัดการไหลของอากาศใน CFM

ตัวอย่างเช่นห้องที่มีขนาด 1,000 ฟุต³ จะต้องใช้ระบบปรับอากาศที่มีค่ามากกว่า 1,000 CFM เพื่อให้อากาศไหม่ไหลเข้ามาแทนที่อากาศเดิมทั้งหมดใน 1นาที เพื่อให้อากาศที่สะอาดไหลเวียนทั่วห้องในปริมาณที่เหมาะสม

กรณีที่เป็น CMM (Cubic Meter per Minute) หรือลูกบาศก์เมตรต่อนาทีก็เช่นเดียวกันแค่เปลี่ยนปริมาตรของห้องจากลูกบาศก์ฟุตไปเป็นลูกบาศก์เมตร แต่ในบทความนี้จะเน้นอธิบายเป็นลูกบาศก์ฟุต

วิธีวัดค่า CFM CMM สำหรับระบบปรับอากาศ

CFM ย่อมาจาก Cubic Feet per Minute และ CMM ย่อมาจาก Cubic Meters per Minute ซึ่ง CMM คือหน่วยมาตรฐาน SI ของอัตราการไหลเชิงปริมาตรซึ่งนิยมใช้สำหรับการไหลของน้ำโดยเฉพาะในแม่น้ำ และงานด้านระบบปรับ (HVAC) ที่วัดการไหลของอากาศ

CMM และ CFM เป็นกุญแจสำคัญในการพิจารณาประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศของพัดลมและระบบทำความเย็น/ร้อน

สูตรการคำนวณการไหลของอากาศ CFM และ CMM

ด้วยเทคโนโลยีของเครื่องวัดความเร็วลม (Anemometer) ในปัจจุบันทำให้ลดการคำนวณที่ยุ่งยากลง เครื่องมือนี้สามารถวัดค่าของ CFM หรือ CMM ได้เพียงป้อนขนาดพื้นที่ของช่องแอร์ และใช้เครื่องมือนี้ทำการวัด

ค่า CFM CMM ที่เหมาะสมสำหรับห้องต่างๆ

เมื่อคุณทราบปริมาณอากาศในพื้นที่ของคุณแล้ว (จากการคำนวนปริมาตรของห้อง) คุณต้องกำหนดว่าจะต้องการแลกเปลี่ยนอากาศเร็วแค่ไหน ตัวอย่างต่อไปนี้คือข้อมูลทั่วไปสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนที่แนะนำ ควรปรึกษาวิศวกรที่เชี่ยวชาญด้านระบบปรับอากาศเพื่อออกแบบค่า CFM CMM ที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่ของคุณ:

  • ห้องเครื่อง, ห้องเครื่องกำเนิดไฟฟ้า, ห้องหม้อไอน้ำ ควรแลกเปลี่ยนอากาศทุก ๆ 1-4 นาที ห้องเหล่านี้มีไอเสียที่อาจเป็นอันตรายซึ่งจำเป็นต้องกำจัดออกอย่างรวดเร็ว ดังนั้นควรหมุนเวียนอากาศทั้งหมดในทุกๆ 1-4 นาที หากคุณมีห้องเครื่องยนต์ขนาด 2,000 ลูกบาศก์ฟุต คุณจะต้องการระบบที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ 500-2000 CFM
  • ห้องครัว, โรงอาหาร, เบเกอรี่, บาร์, ห้องปฏิบัติการ ควรแลกเปลี่ยนอากาศทุก 2-5 นาที  โดยทั่วไปแล้วต้องการการไหลเวียนของอากาศในระดับปานกลางถึงสูง (ทุกๆ 2-5 นาทีโดยประมาณ) สำหรับพื้นที่หรือห้องปฏิบัติการเกี่ยวกับอาหารขนาด 2,000 ฟุต³ คุณต้องการตั้งเป้าสำหรับระบบที่สามารถรองรับ CFM ได้ประมาณ 400-1000
  • โกดัง อุตสาหกรรม ร้านขายเครื่องจักร โรงงาน ควรแลกเปลี่ยนอากาศทุก 3-7 นาที
    แม้ว่าจะไม่เข้มข้นเท่าห้องเครื่องยนต์หรือพื้นที่อาหาร แต่พื้นที่อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ยังคงต้องการการไหลเวียนของอากาศอย่างสม่ำเสมอเพื่อขจัดควันที่เกี่ยวข้องกับงานและเพื่อให้อากาศสะอาด ตัวอย่างพื้นที่อุตสาหกรรม 2,000 ft³ โดยทั่วไปจะต้องมีระบบที่สามารถผลักดัน 280-670 CFM
  • ห้องเรียน บ้าน สำนักงาน ร้านค้า โรงยิม ห้องน้ำ หอประชุม ควรแลกเปลี่ยนอากาศทุก 4-10 นาที บ้านและพื้นที่สาธารณะ เช่น ห้องประชุม ร้านค้าปลีก และสำนักงาน มีความต้องการน้อยกว่าห้องประเภทอื่นๆ ที่กล่าวถึงข้างต้นเล็กน้อย สำหรับห้องเหล่านี้ การแลกเปลี่ยนอากาศมักจะไม่สำคัญเท่า และพื้นที่ 2,000 ฟุต³ จะต้องใช้ระบบที่สามารถเคลื่อนย้าย 200-500 CFM